Thai  Thai

ที่พักเกาะเสม็ด

เกี่ยวกับเกาะเสม็ด

นิราศเมืองแกลง

นิราศเมืองแกลง

 

๏ เณรหนูพัดหัดประดิษฐ์คิดอักษร

เป็นเรื่องความตามติดท่านบิดร

กำจัดจรจากนิเวศเชตุพน

พอออกเรือเมื่อตะวันสายัณห์ย่ำ

ละอองน้ำค้างย้อยเป็นฝอยฝน

ตะลึงเหลียวเปลี่ยวเปล่าเมื่อคราวจน

ไม่มีคนเกื้อหนุนกรุณา

โอ้ธานีศรีอยุธย์มนุษย์แน่น

นับโกฏิแสนสาวแก่แซ่ภาษา

จะหารักสักคนพอปนยา

ไม่เห็นหน้านึกสะอื้นฝืนฤทัย

เสียแรงมีพี่ป้าหม่อมน้าสาว

ล้วนขาวขาวคำหวานน้ำตาลใส

มายามยืดจืดเปรี้ยวไปเจียวใจ

เหลืออาลัยลมปากจะจากจรฯ

 

 

๏ ถึงวัดระฆังบังคมบรมธาตุ

แทบพระบาทบุษบงองค์อัปสร

ไม่ทันลับกัปกัลป์พุทธันดร

พระด่วนจรสู่สวรรคครรไล

ละสมบัติขัตติยาทั้งข้าบาท

โอ้อนาถนึกน่าน้ำตาไหล

เป็นสูญลับนับปีแต่นี้ไป

เหลืออาลัยแล้วที่พระมีคุณ

ถึงจนยากบากมาเป็นข้าบาท

ไม่ขัดขาดข้าวเกลือช่วยเกื้อหนุน

ทรงศรัทธากล้าหาญในการบุญ

โอ้พระคุณขาดยศทั้งงดงาม

แม้นตกยากพรากพลัดไปขัดข้อง

พัดกับน้องหนูตาบจะหาบหาม

นี่จนใจในป่าช้าพนาราม

สุดจะตามเสด็จได้ดังใจจง

ขออยู่บวชกรวดน้ำสุรามฤต

อวยอุทิศผลผลาอานิสงส์

สนองคุณพูนสวัสดิ์ขัตติย์วงศ์

เป็นรถทรงสู่สถานวิมานแมน

มีสุรางค์นางขับสำหรับกล่อม

ล้วนเนื้อหอมน้อมเกล้าอยู่เฝ้าแหน

เสวยรมย์โสมนัสไม่ขัดแคลน

เป็นของแทนทานาฝ่าละออง

พระคุณเอ๋ยเคยทำนุอุปถัมภ์

ได้อิ่มหนำค่ำเช้าไม่เศร้าหมอง

แม้นทูลลามากระนี้ทั้งพี่น้อง

ไหนจะต้องตกยากลำบากกาย

นี่สิ้นบุญทูลกระหม่อมจึงตรอมอก

ต้องระหกระเหินไปน่าใจหาย

เห็นที่ปลงทรงสูญยังมูลทราย

แสนเสียดายดังจะดิ้นสิ้นชีวัน

ทั้งหนูตาบกราบไหว้ร้องไห้ว่า

จะคมลาลับไปในไพรสัณฑ์

เคยเวียนเฝ้าเกล้าจุกให้ทุกวัน

สารพันพึ่งพาไม่อนาทรฯ

 

 

๏ ถึงปากง่ามนามบอกบางกอกน้อย

ยิ่งเศร้าสร้อยทรวงน้องดังต้องศร

เหมือนน้อยทรัพย์ลับหน้านิราจร

ไปแรมรอนราวไพรใจรัญจวน

เคยชมเมืองเรืองระยับจะลับแล้ว

ไปชมแถวทุ่งนาล้วนป่าสวน

เคยดูดีพี่ป้าหน้านวลนวล

จะว่างเว้นเห็นล้วนแต่มอมแมม

เคยชมชื่นรื่นรสแป้งสดสะอาด

จะชมหาดเห็นแต่จอกกับดอกแขม

โอ้ใจจืดมืดเหมือนเมื่อเดือนแรม

ไม่เยื้อนแย้มกลีบกลิ่นให้ดิ้นโดย

เสียดายดวงพวงผกามณฑาทิพย์

เห็นลิบลิบแลชวนให้หวนโหย

เพราะห่วงพุ่มภุมรินไม่บินโบย

จะร่วงโรยรสสิ้นกลิ่นผกาฯ

 

 

๏ ถึงบางพรมพรหมมีอยู่สี่พักตร์

คนรู้จักแจ้งจิตทุกทิศา

ทุกวันนี้มีมนุษย์อยุธยา

เป็นร้อยหน้าพันหน้ายิ่งกว่าพรหม

โอ้คิดไปใจหายเสียดายรัก

เหมือนเกรียกจักแจกซีกกระผีกผม

จึงเจ็บอกฟกช้ำระกำตรม

เพราะลิ้นลมล่อลวงจะช่วงใช้ฯ

 

 

๏ ถึงบางจากน้องไม่มีที่จะจาก

โอ้วิบากกรรมสร้างแต่ปางไหน

เผอิญหญิงชิงชังน่าคลั่งใจ

จะรักใคร่เขาไม่มีปรานีเลย

ถึงบางพลูพลูใบใส่ตะบะ

ถวายพระเพราะกำพร้านิจจาเอ๋ย

แม้นมีใครใจบุญที่คุ้นเคย

จะได้เชยพลูจีบหมากดิบเจียน

นี่จนใจได้แต่ลมมาชมเล่น

เปรียบเหมือนเช่นฉากฉายพอหายเหียน

แม้นเห็นรักจักได้ตามด้วยความเพียร

ฉีกทุเรียนหนามหนักดูสักคราวฯ

 

 

๏ ถึงบางอ้อคิดจะใคร่ได้ไม้อ้อ

ทำแพนซอเสียงแจ้วเที่ยวแอ่วสาว

แต่ยังไม่เคยเชยโฉมประโลมลาว

สุดจะกล่าวกล่อมปลอบให้ชอบใจ

ถึงบางซ่อนซ่อนเงื่อนไม่เยื้อนแย้ม

ถึงหนามแหลมเหลือจะบ่งที่ตรงไหน

โอ้บางเขนเวรสร้างไว้ปางใด

จึงเข็ญใจจนไม่มีที่จะรัก

เมื่อชาติหน้ามาเกิดในเลิศโลก

ประสิทธิโชคชอบฤทัยทั้งไตรจักร

กระจ้อยร่อยกลอยใจวิไลลักษณ์

ให้สาวรักสาวกอดตลอดไปฯ

 

 

๏ ตลาดแก้วแล้วแต่ล้วนสวนสล้าง

เป็นชื่ออ้างออกนามตามวิสัย

แม้นขายแก้วแววฟ้าที่อาลัย

จะซื้อใส่บนสำลีประชีรอง

ประดับเรือนเหมือนหนึ่งเพชรสำเร็จแล้ว

ถนอมแก้วกลอยใจมิให้หมอง

ไม่เหมือนนึกตรึกตราน้ำตานอง

เห็นแต่น้องหนูแนบแอบอุราฯ

 

 

๏ ถึงวัดตั้งฝั่งสมุทรพระพุทธร้าง

ว่าท่านวางไว้ให้คิดปริศนา

แม้นแก้ไขไม่ออกเอาที่ตอกตา

นึกก็น่าใคร่หัวเราะจำเพาะเป็น

จะคิดมั่งยังคำที่ร่ำบอก

จะไปตอกที่ตรงไหนก็ไม่เห็น

ดูลึกซึ้งถึงจะคิดก็มิดเม้น

พอยามเย็นยอแสงแฝงโพยมฯ

 

 

๏ ถึงวัดเขียนเหมือนหนึ่งเพียรเขียนอักษร

กลกลอนกล่าวกล่อมถนอมโฉม

เดชะชักรักลักลอบปลอบประโลม

ขอให้โน้มน้อมจิตสนิทใน

ถึงคลองบางขวางบางศรีทองมองเขม้น

ไม่แลเห็นศรีทองที่ผ่องใส

แม้นทองคำธรรมดาจะพาไป

นี่มิใช่ศรีทองเป็นคลองบาง

พอลมโบกโศกสวนมาหวนหอม

เหมือนโศกตรอมตรึกตรองมาหมองหมาง

ถึงบางแวกแยกคลองเป็นสองทาง

เหมือนจืดจางใจแยกไปแตกกัน

ตลาดขวัญขวัญฉันนี้ขวัญหาย

ใครเขาขายขวัญหรือจะซื้อขวัญ

แม้นขวัญฟ้าหน้าอ่อนเหมือนท่อนจันทน์

จะรับขวัญเช้าเย็นไม่เว้นวาง

ถึงบางขวางขวางอื่นสักหมื่นแสน

ถึงต่างแดนดงดอนสิงขรขวาง

จะตามไปให้ถึงห้องประคองคาง

แต่ขัดขวางขวัญความขามระคาย

เห็นสวาทขาดทิ้งกิ่งสนัด

เป็นรอยตัดต้นสวาทให้ขาดสาย

สวาทพี่นี้ก็ขาดสวาทวาย

แสนเสียดายสายสวาทที่ขาดลอย

เห็นรักน้ำพร่ำออกทั้งดอกผล

ไม่มีคนรักรักมาหักสอย

เป็นรักเปล่าเศร้าหมองเหมือนน้องน้อย

เที่ยวล่องลอยเรือรักจนหนักเรือฯ

 

 

๏ ถึงบ้านบางธรณีแล้วพี่จ๋า

แผ่นสุธาก็ไม่ไร้ไม้มะเขือ

เขากินหมูหนูพัดจะกัดเกลือ

ไม่ถ่อเรือแหหาปลาตำแบ

ถึงปากเกร็ดเตร็ดเตร่มาเร่ร่อน

เที่ยวสัญจรตามระลอกเหมือนจอกแหน

มาถึงเกร็ดเขตมอญสลอนแล

ลูกอ่อนแอ้อุ้มจูงพะรุงพะรัง

ดูเรือนไหนไม่เว้นเห็นลูกอ่อน

ไม่หยุดหย่อนอยู่ไฟจนไหม้หลัง

ไม่ยิ่งยอดปลอดเปล่าเหมือนชาววัง

ล้วนเปล่งปลั่งปลื้มใจมาไกลตาฯ

 

 

๏ พอออกคลองล่องลำแม่น้ำวก

เห็นนกหกเหินร่อนว่อนเวหา

กระทุงทองล่องเลื่อนค่อยเคลื่อนคลา

ดาษดาดอกบัวขาวคลัวเคลีย

นกกาน้ำดำปลากระสาสูง

เป็นฝูงฝูงเข้าใกล้มันไปเสีย

นกยางขาวเหล่านกยางมีหางเปีย

ล้วนตัวเมียหมดสิ้นทั้งดินแดน

ถึงเดือนไข่ไปลับแลเมืองแม่ม่าย

ขึ้นไข่ชายเขาโขดนับโกฏิแสน

พอบินได้ไปประเทศทุกเขตแคว้น

คนทั้งแผ่นดินมิได้ไข่นกยาง

โอ้นึกหวังสังเวชประเภทสัตว์

ต้องขาดขัดคู่ครองจึงหมองหมาง

เหมือนอกชายหมายมิตรคิดระคาง

มาอ้างว้างอาทะวาเอกากายฯ

 

 

๏ ถึงบ้านลาวเห็นแต่ลาวพวกชาวบ้าน

ล้วนหูยานอย่างบ่วงเหมือนห่วงหวาย

ไม่เหมือนลาวชาวกรุงที่นุ่งลาย

ล้วนกรีดกรายหยิบหย่งทรงสำอาง

ถึงบางพูดพูดมากคนปากหมด

มีแต่ปดเป็นอันมากเขาถากถาง

พี่พูดน้อยค่อยประคิ่นลิ้นลูกคาง

เหมือนหญิงช่างฉอเลาะปะเหลาะชายฯ

Thai
© 2024 สงวนลิขสิทธิ์โดย บริษัทไทยทัวร์อินโฟ จำกัด โทร 02-1641001-2 email sales@choowap.com