ต่อมาในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
(ครองราชย์ พ.ศ. 2199-2231) ในปี พ.ศ. 2223
โปรดเกล้าฯให้พระยารามเดโช(ชู) เป็นแม่ทัพยกทัพหลวง
ไปร่วมกับทัพหัวเมืองภาคใต้
มีกองอาสาสมัคร(ทหารรับจ้าง)โปรตุเกสและดัชท์
ร่วมด้วยยกไปปราบนครสงขลาจนเสียเมืองในเวลาต่อมา
กองอาสาสมัคร คือ ทหารรับจ้าง
ในสมัยอยุธยา ภายในราชวงศ์กันเองจะมีการทรยศหักหลังกันมาก
มีการโค่นอำนาจรัฐประหารกันตลอด
เรียกว่าสีร้อยกว่าปีมีกษัตริย์สีสิบกว่าองค์
อายุสั้นทั้งนั้น หาอายุยืนได้น้อยมาก
การกลัวว่าจะถูกโค้นล้มอำนาจ
จึงไม่สามารถไว้วางใจข้าราชการไทยดัวยกัน
จึงมีการจ้างทหารรับจ้าง แขกยักษ์มาร์กาซา (มักกะสัน)
จีน ญี่ปุ่น โปรตุเกส ฝรั่งเศส ดัชท์
มาดูแลรักษาวัง และน่าจะทำอะไรที่
สร้างความเคียดแค้นชิงชังให้กับคนไทยมาก
ดังเช่น เพลงกล่อมเด็ก เจ้าการะเกศ
เจ้าการะเกศ เอย
เจ้าขี่ม้าเทศ จะไปท้ายวัง
ชักกริศออกมาแกว่ง ว่าจะแทงฝรั่ง
เมียห้ามเจ้าก็ไม่ฟัง เจ้าการะเกศ เอย
เออ เอิง เอิ้ง เอ่ย
เออ เิอิง เอิ้ง เอ่ย
เออ เอิ้ง เอิ้ง เอ๋ย ส่วนประวัติของสุลต่านสุไลมาน ได้รวมรวมสาระพอสังเขป
สามารถไป download ได้ตาม link นี้
//goo.gl/eWXZz
(ภาพจินตนาการว่าเป็นภาพสุลต่านสุลัยมาน
แต่บางท่านว่า สมัยนั้นไม่น่าจะแต่งกายเช่นนี้ ภาพจาก internet)
สำหรับการเขียนต่อไปจะเป็นการนำเที่ยวชม
สุสานสุลต่านสุไลมาน
แต่ชาวบ้านจะเีรียกกันว่า มรหุ่ม สุลต่านสุไลมาน
คือ เรียกให้เป็นเกียรติแทนคำว่า กูโบร์ (ที่ฝังศพชาวมุสลิมทั่วไป)
คนในพื้นที่จะเรียกท่านด้วยความเคารพว่า ทวดหุม หรือ ทวดหุ่ม
มรหุ่ม มรโหม สันนิษฐานว่ามาจากคำว่า อัล-มาร์ฮุม ในภาษาอารบิก
เป็นคำยกย่องผู้ที่สิ้นชีวิตไปแล้ว หรือผู้ที่ "ไปสู่พระกรุณาของพระผู้เป็นเจ้า"
(Credit คุณนิลกังขา แห่งเรือนไทย)
คำว่า
ทวด ในภาษาภาคใต้มีนัยนอกเหนือจาก พ่อของปู่
คือ คนที่ให้ความเคารพอย่างสูงสุด
เพราะเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์หรือมีคุณงามความดีมาก
เช่น หลวงพ่อทวดวัดช้างไห้ ทวดหัวเขาแดง ทวดเขาเขียว
บางครั้งก็หมายถึงสัตว์ที่มีอายุมาก หนังเหนียว ยิงไม่เข้า
หรือมีขนาดใหญ่มาก เป็นที่น่ากลัวน่าเกรงขามมาก เช่น
ทวดช้าง ทวดงูเห่า ทวดงูจงอาง ทวดฟาน ทวดหมูป่า เป็นต้น
ภาพภายนอกสุสานของท่าน
ด้านภายในตรงที่ฝังศพทวดหุม
ถามเพื่อนมุสลิมจะบอกว่า
การฝังศพของชาวมุสลิมในเขตเมืองไทย
ด้านศีรษะวางตรงไปทางทิศเหนือ
ส่วนเท้าจะวางตรงไปทางทิศใต้
ผินหน้าำไปทางทิศตะวันตก (เมืองเมกะห์)
หรือบางท่านว่าจะวางตรงก็ได้
อีกด้าน
ลักษณะโครงหลังคาของมรหุ่ม
อีกภาพ
สังเกตภาพข้างบน
จะมีการฝังศพรอบ ๆ มรหุ่มท่าน
ดูที่เป็นเสาปูน
ปัจจุบันก็มีการฝังศพอยู่บางส่วน
ภาพป้ายจารึก
ภาพประวัติ
ภาพป้ายสุสาน
ส่วนอีกแห่งคือ สุสานบุตรชายคนเล็กของสุลต่านสุไลมาน
พระยาราชบังสัน (ฮัสซัน) อดีตแม่ทัพเรื่อสมัยกรุงศรีอยุธยา
(ภาพเต็มจาก Internet) จะเป็นมรหุ่มขนาดย่อมลงมา
อีกภาพหนึ่ง
ภาพหลุมศพท่านฮัสซัน
ป้ายหลุมศพท่านฮัสซัน(บังสัน)
ส่วนภาพนี้ถามชาวบ้านแถวนี้
สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นทหารเอกของท่านสุลต่านสุไลมาน
เพราะมีลักษณะหลุมแปลกกว่าหลุมอื่น ๆ
ส่วนรอบ ๆ เป็นสุสานปัจจุบันและเก่าของที่นี่
อีกภาพ
ภาพป้อมปราการเมืองสงขลา สมัยสุลต่านสุไลมาน
อิหร่าน หรือ เปอร์เซีย
อีรัค ปากีสถาน อัฟกานิสถาน
ส่วนมากจะนับถือนิกายฃีอะห์ มากกว่านิกายสุหนี่
ชีคอาหมัด (เฉกอาหมัด) ต้นสกุลบุนนาค
ที่เป็นจุฬาราชมนตรีคนแรกของสยาม คือ นิกายชีอะห์
ส่วนคนน้อง ชีคสะอิด (เฉกสะอีด) ได้กลับบ้านเมืองกูม
เป็นเมืองศาสนาแห่งหนึ่งของอิหร่าน
จำได้ว่ามีสารคดีของไทยไปสืบค้นสถานที่เกิดของท่านทั้งสอง
แต่ฃาวบ้านแถวนั้นจำไม่ได้แล้วว่าเคยมีหรือไม่
ส่วนแผนที่ข้างบนนี้
จะเห็นว่าทางทะเลจากนครศรีธรรมราชตัดตรงไปปัตตานีี
จะสะดวกรวดเร็วกว่าแวะที่เมืองสงขลา
ตามคำบอกเล่าคนสงขลาเล่าสืบต่อ ๆ กันมาว่า
สงขลาเคยทำสงครามชนะทัพหลวง
น่าจะสมัยสุลต่านสุลัยมาน
ที่รบกับออกญาเสนาภิมุข ทหารรับจ้างญีปุ่น
ที่เข้ามากินเมืองนครศรีธรรมราช
แล้วปู้ยี่ปู้ยำทำร้ายทำลายกับชาวเมืองจำนวนมาก
บางส่วนก็หนีไปอยู่ตามป่าตามเขา
สร้างบ้านแปลงเมืองโดยอาศัยตนเอง
ไม่เคยเล่าว่า เทวดาฟ้าสวรรค์มาสร้างเมืองให้
หรือบางส่วนหนีจากการเป็นไพร่ของเมืองหลวง
จะเห็นได้จากประวัิติศาสตร์ชุมชน บ้านคีรีวงศ์ เป็นต้น
แต่ถ้าอ่านประวัติศาสตร์ไทยแบบหนังสืองานศพ
มักจะได้ข้อเท็จจริงบิดเบือนจากประวัติศาสตร์ฉบับไพร่หรือชาวบ้าน
เพราะจริง ๆ แล้วสมัยยุคแรกก่อนรัชกาลที่ 5
ยังเรียกหัวเมืองปักษ์ใต้ตั้งแต่ประจวบคีรีขันธุ์ลงมาว่า คนนอก
และมีประวัติศาสตร์บอกเล่าเขียนว่า คนพวกนี้หัวแข็ง ปกครองยาก
ยังมีการเรียกภาคเหนือว่า ลาวเฉียง เรียกชาวเชียงใหม่
ภาคอิสานว่า ลาวแกว หรือ เขมร
ส่วนเหนือกว่านั้นก็ ฮ่อ หรือ ไทใหญ่ ตะวันออก ก็ พวกมอญ กระเหรี่ยง
คำว่าไทย มาเริ่มหลังปลายรัชกาลที่ 5 กับสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม
ที่พยายามสร้างความรักชาติขึ้นมาแทนการแบ่งแยกเผ่าพันธุ์คนไทยแต่เดิม
เมืองสงขลาหลังสิ้นบุญสุลต่านสุไลมาน
พ่ายแพ้ตกเป็นเมืองขึ้นกรุงศรีฯ ในชั้นรุ่นลูกของท่าน
จนถูกทำลายเมืองย่อยยับ ป้อมปราการหลายแห่งก็ถูกทำลายไป
ไม่ต่างกับเมืองปัตตานี ที่หากำแพงเมืองและป้อมปราการไม่ได้เลย
หลังจากการปราบกบฎปัตตานีสมัยรัชกาลที่ 1
เคยไปทำงานที่ปัตตานีหลายเดือน
ถามชาวบ้านก็บอกไม่รู้ จำไม่ได้ว่าเคยมีหรือไม่
ผลการแพ้สงครามกับอยุธยาครานั้น
ทัพหลวงครานั้นได้อพยพจับกุมลูกหลานท่าน
บางคนไปอยู่เมืองหลวงกับไชยา
ทำให้บ้านแตกสาแหรกขาด
หมดสิ้นความเป็นเมืองท่าค้าขาย
ทำให้ต่อมาต้นสกุล ณ สงขลา
มาปกครองเป็นเจ้าเมืองได้
เพราะอำนาจอิทธิพลของสกุลสุไลมานลดลงไปมากแล้ว
ส่วนภาพล่างนี้น่าจะเป็นเมือง saleh ที่ดะโต๊ะ โมกุล (โมกอล) อพยพมา
แต่ไม่แน่ใจมากนัก แต่ถ้าดูจากภูมิศาสตร์ทางทะเล
จะเห็นว่าตั้งอยุ่ในปากแม่น้ำ กำบังลมมรสุมได้ดี
ขยายภาพเมือง saleh ใกล้ตรงจุด A
ส่วนเรื่อง สงขลา ตามที่คุณ
Navarat C เคยเขียนไว้
และมี comment เก่าของผมในครั้งก่อนส่วนหนึ่ง
//goo.gl/ywJtrf
อาจมีการบิดเบือน
คนรุ่นหลังเช่นเรา
ทำได้แค่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งค่ะ