ไม่ว่าคุณคือใคร มาจากไหน แม่ฮ่องสอนต้อนรับทุกความรู้สึกที่เป็นตัวคุณ ชมสายหมอก ท่องเที่ยวแหล่ง Unseen สุดฟินกับวิถีชาวบ้าน

Page image

แม้จะเข้าจังหวัดที่สามซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางสุดท้าย ฉันก็ยังคงรักษาแนวทางในการวางแผนเที่ยวภาคเหนือแบบอิงธรรมชาติอย่างเหนียวแน่นนะคะ เพราะวิกฤติโรคระบาดที่ยังไม่จางหายไป พาให้เราต้องอยู่กับธรรมชาติซึ่งเป็นพื้นที่โปร่งโล่งให้มาก ไม่เบียดเสียดกับคนอื่น และสามารถรักษาระยะห่างทางสังคมได้ง่าย ทั้งยังได้เปลี่ยนบรรยากาศอย่างที่ตั้งใจด้วยค่ะ อย่างไรก็ดี ด้วยการระบาดระลอกใหม่ในเดือนเมษายนนี้ เราทุกคนคงต้องรอให้สถานการณ์ครั้งนี้คลี่คลายก่อน และดูแลตัวเองไปพลางอย่างเคร่งครัดค่ะ

แม่ฮ่องสอนเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวแบบ Unseen หลายแห่ง เป็นที่ตั้งของวัฒนธรรมโบราณปลายยุคน้ำแข็ง ซึ่งพบได้ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ไม่สามารถศึกษาให้แน่ชัดเรื่องชาติพันธุ์ของเจ้าของวัฒนธรรมดังกล่าว เพราะโปรตีนที่ต้องใช้สกัด DNA มาพิสูจน์อัตลักษณ์เช่นนั้นสูญสลายไปกับกาลเวลาที่ผ่านไป 2,000-13,000 ปีแล้วค่ะ แม่ฮ่องสอนจึงมีความ Amazing ยิ่งกว่าเดิมที่ทั่วโลกยกนิ้วให้นะคะ

Page image
Page image

บ้านจ่าโบ่

หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้เป็นที่เที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ได้รับใบรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย สภาพภูมิประเทศมีภูเขาโอบล้อม และด้วยความสูงประมาณ 900 เมตรของที่ตั้งบ้านจ่าโบ่ จึงเปิดโอกาสให้เราได้ชมทัศนียภาพที่อลังการทีเดียว บ้านเรือนที่ตั้งอยู่สองฝั่งถนนก็เป็นเรือนไม้แบบดั้งเดิมของชาวลาหู่หรือมูเซอด้วยค่ะ

ชาวลาหู่ที่นี่ย้ายมาจากห้วยยาว (ซึ่งพบชื่อแต่บ้านห้วยยาว ทางอำเภอแม่สะเรียง ในจังหวัดเดียวกัน) โดยการนำของนายจ่าโบ่ ไพรเนติธรรม จึงใช้ชื่อบ้านว่าชุมชนจ่าโบ่ และเมื่อมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาชมทัศนียภาพมากขึ้น จึงจัดตั้งการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยเปิดบ้านเป็นโฮมสเตย์ชุมชนให้เราๆ ได้สัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของเขา ผู้คนในชุมชนยังคงใช้ภาษาและเครื่องแต่งกายแบบลาหู่ ซึ่งเฉพาะที่บ้านจ่าโบ่นี้แบ่งออกเป็น 3 เผ่าย่อยคือ มูเซอดำ มูเซอแดง และมูเซอเหลืองค่ะ ความแตกต่างดูได้จากความเชื่อและการแต่งตัว ซึ่งน่าไปศึกษาและสอบถามจากชาวเขาที่นั่น จะได้เห็นรายละเอียดตามไปด้วย

หน้าหมู่บ้านแห่งนี้ยังมีร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ที่เป็นแลนด์มาร์กมาแต่ไหนแต่ไร และเพราะอยู่หน้าหมู่บ้าน คนส่วนใหญ่จึงแวะกินอาหารที่ร้านนี้ก่อนที่จะทำอย่างอื่น ตัวร้านเป็นบ้านไม้บนเนินเขา มีที่นั่งให้เลือกทั้งนั่งโต๊ะ นั่งเปลตาข่าย และนั่งห้อยขาชมวิว ที่ทำให้รู้สึกเหมือนลอยอยู่กลางอากาศค่ะ

ในชุมชนบ้านจ่าโบ่ ยังมีกิจกรรมให้ทำอีก 3 อย่างด้วยกันคือ จักสาน เย็บผ้า และทำแคน มีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟอีกด้วย แม้อยู่บนเขาสูง แต่ที่นี่ก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโรคระบาด และเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เขาก็มีการประชุมหมู่บ้านและลงมติให้บ้านพักโฮมสเตย์กับร้านค้ากลับมาเปิดบริการอีกครั้ง โดยมีเงื่อนไขให้ทุกแห่งปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ดังนั้น หน้ากากอนามัย สเปรย์หรือเจลแอลกอฮอล์ และการหมั่นล้างมือจึงยังคงเป็นกิจวัตรที่ต้องทำอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเดินทางท่องเที่ยวไปที่ใดนะคะ แต่ถ้ามีเหตุให้ต้องระงับการให้บริการอีก ก็จะตั้งตาคอยจนกว่าจะมีโอกาสไปเยือนสักครั้งอย่างแน่นอนค่ะ

หลังจากทำกิจกรรม นอนพักเอาแรงในบ้านของชาวเขาแล้ว เราก็จะตื่นแต่เช้ามืด เพื่อเดินเท้าขึ้นยอดภูผาหมอก เป็นระยะทาง 900 เมตร พร้อมกับไกด์ท้องถิ่น ใช้เวลาประมาณ 23-30 นาที เพื่อไปชมวิวทะเลหมอกที่แผ่กว้างออกไปสุดลูกหูลูกตา ก่อนจะค่อยๆ อาบแสงแรกขึ้นของดวงอาทิตย์ กล่าวกันว่าวิวบนยอดภูนี้มองได้รอบตัวทุกทิศทุกทาง นับเป็นความ Amazing ยิ่งกว่าเดิมของการเที่ยวเมืองเหนือที่ทุกคนจะต้องจดจำไปอีกนานเชียวค่ะ

ที่ตั้ง :  หมู่ที่ 4  ตำบลปางมะผ้า  อำเภอปางมะผ้า  แม่ฮ่องสอน
การเดินทาง : ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า หรือถ้าเดินทางจากอำเภอปายก็ใช้เวลา 1 ชั่วโมงกว่าค่ะ
Google Map Link : https://goo.gl/maps/Fx3j3fBPsm8YR544A
ช่องทางการติดต่อ : โทรศัพท์  09-9894-6654 (ป้านะกอ ประธานกลุ่มท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โดยชุมชนบ้านจ่าโบ่)
เพจ   https://www.facebook.com/cbtbaanjabo

Page image

ถ้ำน้ำลอด

แถบอำเภอปางมะผ้าเป็นภูเขาหินปูน ซึ่งเป็นภูมิประเทศที่มักจะเกิดถ้ำ เพราะหินปูนเมื่อถูกน้ำฝนนานเข้าก็ละลายเป็นรอยแยกแตกจนเป็นรูและขยายเป็นโพรงน้ำไหล หลายล้านปีผ่านไปน้ำก็ไหลกัดเซาะจนเกิดโถงถ้ำขนาดใหญ่ดังที่เห็นในปัจจุบันนะคะ ส่วนตะกอนหินปูนก็ถูกพัดพาสะสมจนเกิดหินงอกหินย้อยในถ้ำไปด้วย และมีอัตราการงอกหรือย้อยอยู่ที่ 1 มิลลิเมตรทุกๆ ประมาณ 140 ปี ดังนั้นกว่าจะได้สัก 1 เมตรก็ต้องใช้เวลา 140,000 ปีค่ะ

ถ้ำน้ำลอดได้ชื่อว่าเป็นถ้ำ Unseen และสุดจะ Amazing เพราะเป็นที่สุดของถ้ำทั้งหมดในแม่ฮ่องสอน มีขนาดใหญ่มากคือ กว้างสุดที่ 60 เมตร และบางจุดสูงมากกว่า 20 เมตร และติดอันดับแรกๆ ของถ้ำน่าเที่ยวที่สุดในระดับประเทศด้วย นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งวัฒนธรรมที่สำคัญแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะมีการค้นพบ “วัฒนธรรมโลงไม้” ที่นี่
เมื่อถึงประตูด้านหน้า เราต้องเดินเท้าเข้าไปยังปากถ้ำเป็นระยะทางเดินป่าประมาณ 300 เมตร พร้อมคนนำทางซึ่งก็คือชาวบ้านใกล้เคียงที่มาสมัครเป็นผู้ให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยว ตรงปากถ้ำจะเห็น “ลำน้ำลาง” ไหลผ่านตลอดถ้ำน้ำลอดที่เป็นถ้ำหลัก ซึ่งมีความยาว 600 เมตร ตัวถ้ำยังแยกย่อยเป็นโถงถ้ำหรือโพรงถ้ำอีก 3 ถ้ำด้วยกันคือ โถงถ้ำเสาหินหลวง โถงถ้ำตุ๊กตา และโถงถ้ำผีแมนค่ะ

แม้จะสามารถเข้าชมได้ตลอดปี แต่ถ้าจะชมให้ครบทั้งสามโถงถ้ำ ควรจะมาในช่วงเดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนพฤษภาคมเท่านั้น นอกเวลานี้แล้วจะชมได้เพียงถ้ำเสาหินหลวงเพียงถ้ำเดียว ซึ่งถ้ำที่เขาแนะนำให้ไปชมให้ได้คือถ้ำผีแมน ที่เข้าถึงได้ด้วยการนั่งแพเข้าไปพร้อมคนนำทางเท่านั้น ไม่สามารถเดินเข้าไปได้ ระยะทางในการล่องแพยาวประมาณ 300 เมตร บางแห่งถึงกับแนะนำให้เข้าไปล่องแพเที่ยวโถงถ้ำผีแมนก่อน เสร็จแล้วค่อยย้อนมาเดินเที่ยวชมโถงถ้ำที่เหลือค่ะ

แต่เรามาไล่ลำดับชมถ้ำจากข้างนอกละกันนะคะ เพื่อไม่ให้งง แล้วจะไปสลับอย่างไรค่อยแล้วแต่กรณีอีกที เมื่อเดินจากปากถ้ำน้ำลอดเข้าไปราว 150 เมตรจะมีบันไดขึ้นไปยังโถงถ้ำเสาหินหลวง มีหินคล้ายเค้กกลมก้อนใหญ่ตรงริมบันไดทางขึ้น ในโถงถ้ำก็เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อย ผนังถ้ำมีลักษณะคล้ายข้าวโพดคั่ว และมีม่านหินย้อยสะท้อนแสงแวววาวที่หลายคนเรียกว่า “หินกากเพชร” มีเสาที่เกิดจากหินงอกหินย้อยบรรจบกันสูงถึง 21.5 เมตร นับเป็นเสาหินธรรมชาติที่สูงมาก และเมื่อคำนึงถึงว่าหินงอกหินย้อยยาว 1 เมตรทุกแสนกว่าปี เสาหินสูงขนาดนี้ก็น่าจะใช้เวลาถึง 3 ล้านกว่าปีทีเดียวค่ะ แต่การชมต้องดูแต่ตาจริงๆ ไม่ควรสัมผัส เพราะไขมันจากผิวหนังของเราจะไปขวางการงอกหรือย้อยของหินได้ ทำให้กระบวนการตามธรรมชาติหยุดชะงักหรือที่เรียกว่าหินตายค่ะ

พอเดินลงบันไดจากโถงถ้ำเสาหินหลวง ก็จะต้องเดินบนสะพานไม้ข้ามลำน้ำลางไปอีกฝั่ง แล้วเดินขึ้นบันไดไปชมโถงถ้ำตุ๊กตา ที่มีหินงอกหินย้อยเรียงรายกันอยู่มากมาย ดูคล้ายตุ๊กตา ตรงผนังถ้ำยังมีภาพเขียนให้ชมอีกด้วย ผลการวิจัยบ่งชี้ว่ามีชุมชนอาศัยอยู่ในแถบนี้ตั้งแต่เมื่อ 30,000 กว่าปีมาแล้ว แต่เริ่มมีการใช้ถ้ำประกอบพิธีฝังศพเมื่อราว 2,500 ปีก่อน และมีการกำหนดอายุกลุ่มวัฒนธรรมโลงไม้ไว้ในช่วงราว 2,600-1,100 ปีมานี้ ภาพเขียนผนังถ้ำก็น่าจะมีอายุประมาณนี้ค่ะ
ต่อจากนั้นเราถึงจะล่องแพไปขึ้นบันไดเพื่อชมมุมสวยของโถงถ้ำผีแมน ที่ได้ชื่อนี้เพราะเมื่อหลายสิบปีก่อนชาวบ้านไปพบโลงผีแมน ซึ่งเป็นโลงไม้บรรจุโครงกระดูกถึง 30 โลง วางเรียงรายอยู่ในคูหาถ้ำ แต่มาเริ่มสำรวจจริงจังเมื่อปี พ.ศ. 2544-2545 วัฒนธรรมเก็บกระดูกในโลงไม้เช่นนี้พบได้ในประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเราค่ะ ของที่พบในโถงถ้ำส่วนมากก็ทำจากไม้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องชามรามไห อุปกรณ์จักสาน เครื่องประดับ และตัวโลงไม้ที่ใช้ไม้สักทั้งต้นผ่าครึ่ง แล้วขุดเป็นตัวโลงกับฝาโลง นอกจากนี้ยังพบเศษผ้า หอยเบี้ย และลูกปัดแก้วด้วยค่ะ

ที่ตั้ง :  เขตสถานศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าถ้ำน้ำลอด  ตำบลถ้ำลอด  อำเภอปางมะผ้า  แม่ฮ่องสอน
การเดินทาง : ทางเข้าอยู่ที่หลักกิโลเมตรที่ 138-139 บนทางหลวงสาย 1095 (บ้านแม่มาลัย-ปาย-แม่ฮ่องสอน) มีป้ายบอกทางเข้าถ้ำน้ำลอด เลี้ยวเข้าไปประมาณ 9 กิโลเมตรจะถึงลานจอดรถค่ะ
Google Map Link : https://goo.gl/maps/UrjCMp77NbvxtRr69
ช่องทางการติดต่อ : โทรศัพท์ 0-5361-7218

Page image
Page image

ภูโคลน

ปีนถ้ำ เดินถ้ำเสร็จก็มาผ่อนคลายทิ้งความเมื่อยล้ากันที่สปาสายน้ำแร่ธรรมชาติแท้ ติดอันดับ 1 ใน 3 สุดยอดสปาโคลนบริสุทธิ์ของโลกกันค่ะ ภูโคลนหรือภูโคลน คันทรี คลับ มีสายน้ำแร่ใต้ดินที่มีความร้อนตั้งแต่ 60-140 องศาเซลเซียส โคลนที่นี่จึงเป็นโคลนเดือด บริสุทธิ์ มีสีดำ และขึ้นมาพร้อมน้ำแร่ที่สะอาด ไร้กลิ่นกำมะถัน แต่อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อผิวหนังและระบบไหลเวียนโลหิต บนโลกนี้มีการค้นพบสายน้ำแร่และโคลนในลักษณะนี้อยู่เพียง 3 แห่งเท่านั้น (อีกสองแห่งคือ แหล่งโคลนที่ทะเลสาบเดดซี ในเขตประเทศอิสราเอลกับจอร์แดน และแหล่งโคลนจากลาวาในประเทศโรมาเนียค่ะ)

แม่ฮ่องสอนตั้งอยู่บนรอยเลื่อนขนาดใหญ่ จึงมีแหล่งความร้อนใต้พิภพ ทำให้น้ำที่อยู่ใต้ดินเคลื่อนที่ขึ้นสู่ผิวดิน พร้อมแรงดันกับอุณหภูมิที่สูง และละลายเอาแร่ธาตุจากชั้นหินขึ้นมาพร้อมกับดินโคลนด้วย  แร่ธาตุหลักๆ ในโคลนธรรมชาติที่นี่ได้แก่ แคลเซียม (ปรับสมดุลผิวไม่ให้แห้งกร้าน) โบรไมน์ (ฆ่าเชื้อโรคโดยไม่ระคายเคืองผิว) คลอไรด์ (ทำความสะอาดผิวได้ลึกถึงรูขุมขน) โพแทสเซียม (บำรุงและควบคุมความชุ่มชื้นของเซลล์ผิว) แมกนีเซียม (สร้างและซ่อมแซมเซลล์ผิว) โซเดียม (กระตุ้นการเปลี่ยนแปลงให้เซลล์ผิวทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ)

นอกจากสรรพคุณตามธรรมชาติของโคลนและน้ำแร่แล้ว ภูโคลนยังใช้สมุนไพรของไทย เช่น ตะไคร้หอม แตงกวา ขมิ้น มะนาว เป็นต้น เติมเสน่ห์ให้กับการใช้โคลนเชิงสุขภาพบำบัด เพิ่มกลิ่นหอมละมุนให้กับไอดินจนสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศอย่างมาก

เราสามารถเลือกใช้บริการของที่นี่ได้หลายอย่างทั้งสำหรับผิวหน้าและผิวกายค่ะ ที่นิยมกันมากคือการพอกหน้าและพอกตัวด้วยโคลน และยังมีการนวดแผนโบราณด้วย ถ้าติดใจก็ซื้อโคลนกลับมาทำสปาเองที่บ้านได้ พร้อมผลิตภัณฑ์อีกมาก อาทิ เซรั่มและเจลน้ำแร่ออร์แกนิก โฟมและโลชั่นน้ำแร่ มีชุดดีทอกซ์ผิวหน้าซึ่งประกอบด้วยสบู่กับมาส์กโคลน และมีเซรั่มกับแชมพูสำหรับคนผมร่วงด้วยค่ะ

ที่ตั้ง : แหล่งโคลนบ่อน้ำพุร้อน โป่งเดือดแม่สะงา หรือภูโคลน  เลขที่ 132  หมู่ 2 ตำบลหมอกจำแป่ อำเภอเมือง
การเดินทาง : จากตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ใช้ทางหลวงสาย 1095 (แม่ฮ่องสอน-ปาย) เป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร ให้เลี้ยวซ้ายเข้าหมู่บ้านกุงไม้สัก-บ้านห้วยขาน ประมาณ 4 กิโลเมตร จะเห็นภูโคลนอยู่ทางขวามือค่ะ
Google Map Link : https://goo.gl/maps/NCNUaPQFKj5LBLRq6
ช่องทางการติดต่อ : โทรศัพท์  053-282-579;  08-5035-3152
เพจ   https://www.facebook.com/PhuKlonMudSpa
เว็บไซต์   www.phuklon.co.th

Page image
Page image

หมู่บ้านสันติชล

ชุมชนท่องเที่ยวแห่งนี้ใช้รากฐานทางวัฒนธรรมชาวจีนยูนนานของตนเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว เพื่อนำรายได้ไปพัฒนาชุมชน พัฒนาอาชีพ และฟื้นฟูอนุรักษ์วัฒนธรรมจีนยูนนานไปพร้อมกัน  เมื่อราวปี พ.ศ. 2546 ทั้งชุมชนได้หันมาร่วมกันวิเคราะห์ตนเอง และสรุปปัญหาความเป็นอยู่และอาชีพ ซึ่งมีทั้งเรื่องการไร้สัญชาติ การจัดการผลผลิตทางการเกษตรที่ทั้งล้นตลาดและมีราคาตกต่ำ เมื่อช่วยกันเสนอแนวทางแก้ปัญหาต่างๆ แล้ว การท่องเที่ยวชุมชนดูจะเป็นสิ่งที่ชุมชนนี้สนใจมากที่สุดในฐานะช่องทางหารายได้เสริมให้แก่ครอบครัว และนี่คือกำเนิดของหมู่บ้านจำลองของศูนย์วัฒนธรรมจีนยูนนานแห่งนี้ค่ะ

บรรยากาศในหมู่บ้านเต็มไปด้วยความเป็นจีนยูนนาน ทั้งมังกรสีสดพันเสาบนเนินหินตรงทางเข้า ทั้งบ้านดินสีส้มซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านค้าต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นร้านขายของที่ระลึก ไม่ว่าจะเป็นชา สมุนไพรจีน ผลไม้ดอง ผลไม้อบแห้ง เสื้อผ้ารองเท้าแบบจีน อาหารแปรรูป รวมทั้งร้านอาหารจีนยูนนาน ที่ตั้งอยู่ภายในสถาปัตยกรรมคล้ายปราสาทจีนโบราณ โดยเฉพาะขาหมูกับหมั่นโถวจะขึ้นชื่อเป็นพิเศษ

กิจกรรมที่ถ้าไม่ได้ทำก็เหมือนไปไม่ถึง คือการโล้ชิงช้าที่มีลักษณะเฉพาะตัว คล้ายชิงช้าสวรรค์ แต่ทำด้วยไม้ทั้งตัว และมีคนหมุนชิงช้าให้เราลอยขึ้นไปชมวิวโดยรอบจากมุมสูง นอกจากนี้ยังมีบริการขี่ม้าแคระชมบรรยากาศรอบหมู่บ้านซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง บริการเปลี่ยนชุดชาวจีนเพื่อเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกตามจุดต่างๆ พร้อมทั้งเดินชมบรรยากาศสวนดอกไม้และภูเขาโดยรอบไปด้วย หรือใครอยากเล่นผาดโผนขึ้นมาอีกหน่อย เขาก็มีรายการยิงธนูให้ลองค่ะ

ที่ตั้ง : ศูนย์วัฒนธรรมจีนยูนนาน  ตำบลเวียงใต้  อำเภอปาย  แม่ฮ่องสอน
การเดินทาง : อยู่ห่างจากตัวอำเภอปาย 4.5 กิโลเมตร เลยวัดน้ำฮู ไปเล็กน้อย ขับรถประมาณ 5 นาทีก็ถึงค่ะ
Google Map Link : https://goo.gl/maps/77m6CrDdHedqJj8R8
ช่องทางการติดต่อ :  โทรศัพท์  08-1024-3982
เพจ   https://www.facebook.com/lovesandichun

Page image

กองแลน หรือ ปายแคนยอน

คำว่า กอง ในภาษาพื้นเมือง แปลว่า ถนน ค่ะ ส่วนคำว่า แลน คือตะกวด ชื่อของ “กองแลน” จึงหมายถึง เส้นทางแคบๆ ที่ตะกวดใช้สัญจรเหนือเหวลึก ซึ่งก็น่าจะเกิดจากจินตนาการของผู้คนที่เรียกชื่อต่อๆ กันมา แต่ก็สื่อถึงความแคบและระดับความระมัดระวังที่ต้องใช้ในการเดินบนเส้นทางเหล่านี้ได้ดีทีเดียวค่ะ

สถานที่ท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแห่งนี้ แสดงให้เห็นลักษณะของดินบนภูเขาสูงที่ถูกลมและฝนกัดเซาะจนเป็นร่องลึกคล้ายหน้าผา ส่วนที่ไม่ได้ทรุดตัวลงไปก็กลายเป็นทางเส้นเล็กๆ เชื่อมต่อกันเป็นวงกว้างอยู่บนสันเขา ภูมิประเทศเช่นนี้จึงได้ฉายาสมัยใหม่ว่า ปายแคนยอน เมื่อถึงยอดกองแลนก็จะพบจุดชมทัศนียภาพที่สวยงามของเมืองปายได้แบบ 360 องศา สวยจนเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง ปาย อิน เลิฟ ด้วยค่ะ

ที่ตั้ง :  ตำบลแม่ฮี้  อำเภอปาย  แม่ฮ่องสอน
การเดินทาง : ถ้ามาจากเชียงใหม่ ตามทางหลวงสาย 1095 (ปาย-แม่มาลัย) จะอยู่ก่อนถึงอำเภอปายประมาณ 7 กิโลเมตร ตรงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 90 มีชื่อป้ายกองแลนอยู่ทางซ้ายมือ มีที่จอดรถสะดวก จากนั้นให้เดินตามถนนลูกรังขึ้นไปข้างบนประมาณ 200 เมตรค่ะ
Google Map Link :  https://goo.gl/maps/kY23jiBRSdgHxvvZ8
ช่องทางการติดต่อ : --

Page image

โป่งน้ำร้อนไทรงาม

แม้นักท่องเที่ยวจะเรียกที่นี่กันติดปากว่า น้ำพุร้อนไทรงาม แต่ลักษณะที่แท้จริงของที่นี่คือ โป่งน้ำร้อน หมายถึง ตาน้ำที่เป็นน้ำผุดจากใต้ดิน หรือบ่อน้ำผุดธรรมชาติ ไม่ใช่น้ำที่พุขึ้นสูงด้วยแรงดันอย่างบ่อน้ำร้อนที่อื่นๆ (แต่เวลาหาที่ตั้งบนแผนที่ ต้องใช้คำว่า น้ำพุร้อนธรรมชาติไทรงาม ค่ะ)

น้ำแร่ของที่นี่มีอุณหภูมิอุ่นๆ พร้อมแอ่งน้ำแร่ขนาดเล็กที่ตั้งลดหลั่นกันลงมาเป็นชั้นๆ คล้ายน้ำตก ให้ผู้คนลงแช่หรือดำเล่นพอสนุก รายล้อมด้วยต้นไม้เขียวขจี เพราะอยู่กลางป่าไทรงาม โดยแอ่งน้ำชั้นบนสุดมักจะมีพื้นล่างเป็นทรายขาว ส่วนแอ่งข้างล่างมักจะมีพื้นล่างเป็นหิน ผืนน้ำก็ลึกแค่เข่าและเป็นสีเขียวใสแจ๋วจนมองเห็นพื้นล่างได้ชัดเจน จึงเลือกดูได้ง่ายว่าใครพอใจจะนั่งตรงไหน อย่างไร ด้วยลักษณะที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ที่นี่จึงเหมาะสำหรับนั่งแช่สบายๆ ท่ามกลางเสียงน้ำ เสียงนก และป่าไม้ ใกล้ชิดธรรมชาติมากจนเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติไปด้วย มีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและห้องน้ำให้บริการ พร้อมร้านอาหารและเครื่องดื่มพร้อมสรรพค่ะ

จนกว่าทุกอย่างจะคลี่คลายอีกครั้ง ใส่หน้ากากอนามัย พกสเปรย์หรือเจลแอลกอฮอล์ และหมั่นล้างมือกันนะคะ โอกาสเปิดอีกเมื่อไร หวังว่าเราจะได้พบกันที่เมืองเหนือ ดินแดนที่มีแต่จะ Amazing ยิ่งกว่าเดิม และมีแต่คนที่ Amazing ยิ่งกว่าเดิมเพราะผ่านพ้นโควิดกันมาได้หลายระลอกอย่างพวกเรานี่ละค่ะไปท่องเที่ยวกัน

ที่ตั้ง : เขตอนุรักษ์ป่าไทรงาม  บ้านไทรงาม  ตำบลแม่นางเติง  อำเภอปาย  แม่ฮ่องสอน 58130
การเดินทาง : ถ้าออกจากตัวเมืองปาย ใช้เส้นทางสายปาย-ปางมะผ้า มาประมาณ 15 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวตรงทางเข้าที่มีป้ายโป่งน้ำร้อนไทรงามนะคะ แต่ถ้าออกจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนหรือปางมะผ้า ก็จะผ่านโป่งน้ำร้อนไทรงามก่อนถึงตัวเมืองปาย
Google Map Link : https://goo.gl/maps/tm7gN4GgdKBkvrSJA
ช่องทางการติดต่อ :  โทรศัพท์  08-4484-4797 (ชุมชนท่องเที่ยวบ้านไทรงาม)
เพจ   https://www.facebook.com/SAINGAMVILLAGE