TOA คือบริษัทสีในตำนานที่เป็นตัวอย่างชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปีในการดำเนินธุรกิจ TOA สั่งสมประสบการณ์ พัฒนาศักยภาพ ไปพร้อมๆ กับขยายธุรกิจสู่ตลาดโลก ทำให้ช่วงเวลาของคลื่นการเปลี่ยนแปลงอย่าง เทรนด์ผู้บริโภค ดิจิทัลดิสรัปชั่น หรือกระทั่งวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 TOA ยังคงรักษาเพอร์ฟอร์แมนซ์ได้เป็นอย่างดี และทิ้งห่างคู่แข่งหลายช่วงตัว

“วันนี้ธุรกิจสีทาอาคาร TOA คือผู้นำที่แข่งแกร่ง แต่เราไม่หยุดเพียงเท่านี้ เรายังคงเดินหน้าขยายธุรกิจในเซกเมนต์ต่างๆ อย่าง Non Decorative กลุ่มเคมีภัณฑ์ก่อสร้าง กลุ่มยิปซั่ม ที่เป็นช่องว่างของตลาดและเป็นจิกซอว์ที่เสริมความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำแนวคิด Total Solution การนำเสนอสินค้าการใช้งานแบบครบวงจรให้กับ TOA”

นันทพล บุญเหลือ ผู้อำนายการสายงานการตลาด บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA กล่าว และยืนยันว่า

จากนี้ไปการเติบโตของ TOA จะไม่ใช่เพียงเติบโตแบบ Organic Growth แต่เป็นการเติบโตที่ TOA Design เองว่าทำอย่างไรถึงจะครองสัดส่วนในตลาดเพิ่มมากขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตทั้งในประเทศและภูมิภาคอาเซียน

เติบโตอย่างแข่งแกร่งท่ามกลางวิกฤตรอบด้าน

สิ่งที่ยืนยันความแข็งแกร่งของ TOA ได้เป็นอย่างดีคือ การครองสัดส่วนมากถึง 47.8% จากตลาดรวมสีทาอาคารที่มีมูลค่ากว่า 22,000 ล้านบาท ที่สำคัญผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2563 TOA มียอดขายสูงกว่า 4,100 ล้านบาท เป็นหนึ่งในไม่กี่เจ้าในตลาดที่สามารถรักษาการเติบโตอย่างดี

“ในช่วงที่ผ่านมา สถานการณ์ต่างๆ ปัจจัยภายนอกอาจไม่สู้ดี แต่ด้วยพื้นฐานทางธุรกิจที่มั่งคงและการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ทำให้เราสามารถดำเนินธุรกิจโดยมียอดขายที่แข็งแกร่งได้”

ขณะที่การแข่งขันในตลาดในช่วงที่ผ่านมาว่าด้วยเกมของราคา แต่นันทพลบอกกับ Marketeer ว่า ราคาไม่ได้ปัจจัยเดียวที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้า แต่เป็นเรื่องของ “ความเชื่อมั่นต่อแบรนด์” ต่างหาก

สอดคลองกับความจริงที่ว่า TOA ได้รับผลโหวตจากผู้บริโภคคนไทยทั่วประเทศให้เป็น No.1 Brand แบรนด์สีทาอาคารยอดนิยมอันดับ 1 ที่ครองใจผู้บริโภคติดต่อกันเป็นปีที่น 8

แน่นอนว่าความเชื่อมั่นที่ได้จากผู้บริโภคที่ต่อยอดไปสู่ความสำเร็จทั้งในแง่ของการสร้างแบรนด์และยอดขายนี้ ไม่ใช่เพียงแค่อายุของแบรนด์ที่อยู่มานาน แต่จะเป็นอะไร ด้านล่างนี้คือคำตอบ

แข่งด้วยความเชื่อมั่นในคุณภาพของแบรนด์

กลยุทธ์สำคัญของ TOA คือการมีทีมวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่แข็งแกร่ง พร้อมสร้างนวัตกรรมและพัฒนาสินค้าที่มาจากความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ทั้งกระบวนการผลิตที่เป็นระบบปิดเพื่อให้การควบคุมคุณภาพได้มาตรฐาน และง่ายต่อการขยายกำลังการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ พื้นฐานสำคัญที่ TOA ทำให้ผู้บริโภคเห็นผ่าน ‘คุณภาพของสินค้า’ มาตลอด กลายเป็นความเชื่อมั่นในแบรนด์

จุดแข็งสำคัญของ TOA คือ คุณภาพสินค้า ที่ลูกค้าให้คำจำกัดความว่า “Reliable คือ เชื่อถือได้” เราเป็นผู้นำด้าน Innovation เป็นรายแรกที่นำนวัตกรรมสีใหม่ๆ เข้ามาสู่วงการสีทาอาคารของไทย ช่างใช้แล้วมั่นใจว่าสามารถส่งงานลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลูกค้าเลือกแล้วมั่นใจว่านี่คือสิ่งที่ดีสำหรับบ้าน”

Digital network ที่แข็งแกร่ง

ข้อได้เปรียบของการเป็นแบรนด์ที่อยู่มานานของ TOA คือการมีสายป่านที่เหนียวแน่นและแข็งแกร่ง กับจำนวนดีลเลอร์หรือตัวแทนจำหน่ายที่มีคุณภาพมากถึง 7,000 ราย ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ และอีก 2,000 รายในต่างประเทศ

“เราเข้าถึงผู้บริโภคทั่วประเทศครอบคลุมทุกพื้นที่ หากคุณขับรถอยู่โดยเฉลี่ยแล้วทุก 10 กิโลเมตร จะเจอร้านที่มีป้าย TOA อยู่ ขณะเดียวกันเรามีนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความสะดวกอย่างเครื่องผสมสีกว่า 4,500 เครื่องในประเทศไทย และอีก 2,300 เครื่องในต่างประเทศ ซึ่งเรามีแผนขยายทั้งตัวแทนจำหน่ายและเครื่องผสมสีเพิ่มขึ้นทุกปี ในร้านขนาดเล็กมากขึ้นลงลึกในระดับชุมชนมากขึ้น”

เมื่ออยู่ใกล้ผู้บริโภคมากขึ้น ตอบโจทย์ความสะดวกสบายมากขึ้น ก็เท่ากับว่าตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

Total Solution ครบวงจร

อย่างที่บอกในตอนแรกว่า TOA กำลังขยายธุรกิจที่มากกว่าสีทาอาคาร โดยเติมเต็มนวัตกรรมแบบครบวงจรให้มากขึ้น พูดง่ายๆ ถ้าคุณจะสร้างบ้านสักหลัง ตั้งแต่งานฐานรากไปจนถึงงานหลังคา TOA มีโซลูชั่นพร้อมตอบโจทย์คุณทั้งหมด

“ความครบครันของโซลูชั่นนี้ไม้ได้ตอบโจทย์แค่ลูกค้าบ้าน แต่สามารถรองรับงานก่อสร้างขนาดใหญ่หรือ Mega Project ต่างๆ อย่างที่ผ่านมาเรามีการพัฒนาร่วมกับผู้พัฒนาอสังหาฯ หลายราย ในการสร้างอินโนเวชั่นใหม่ๆ อย่าง สีกันไฟที่ใช้ในงานก่อสร้างขนาดใหญ่ ซึ่ง TOA มีแผนขยาย Total Solution ไปยังดีลเลอร์ทั่วประเทศ

“ตลาดการก่อสร้างเป็นตลาดที่ใหญ่หมายความว่ายังมีโอกาสอีกเยอะมากที่ TOA จะขยายธุรกิจออกไป ทิศทางตลาดในอนาคตแน่นอนว่าเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อภาคอสังหาฯ แต่ TOA เรามีทิศทางที่ชัดเจนคือ ไม่ได้หยุดอยู่แค่ธุรกิจสี เราจะเจาะตลาดเพิ่มมากขึ้นนำเสนอสินค้าการใช้งานแบบครบวงจรแบบ Total Solution อย่างที่กล่าวไป เรามีแผนรองรับการเติบโตในอนาคต ไม่ใช่แค่ปล่อยการเติบโตในแบบ Organic growth แต่เป็นการเติบโตที่เรา Design เองว่าทำอย่างไรถึงจะครองสัดส่วนในตลาดเพิ่มมากขึ้น”

 

นอกจากการขยายธุรกิจไปในกลุ่มสินค้าใหม่ๆ แล้ว TOA ยังไม่หยุดที่จะพัฒนาเพียงเท่านี้ ในอนาคตอันใกล้ นันทพลบอกว่าจะยกระดับเทรนด์ดิจิทัลของ TOA มากขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องการสื่อสาร แต่เป็นการเข้าใจพฤติกรรมและเข้าถึงผู้บริโภคในช่องทางออนไลน์ให้มากขึ้น

“ทุกวันนี้การเลือกสีทาอาคารหรือวัสดุเกี่ยวกับบ้านไม่ต่างจากการการเลือกซื้อสินค้าทั่วไป ผู้บริโภคมีการหาข้อมูลเองผ่านอินเทอร์เน็ตมากขึ้น โจทย์ของ TOA คือทำอย่างไรเราถึงจะเข้าไปมีบทบาทในการให้คำแนะนำเรื่องระบบสีทาอาคาร ระบบเคมีภัณฑ์ก่อสร้างที่ถูกต้องให้กับผู้บริโภค เราจะ Educate ตลาดอย่างไร หมายความว่านั่นไม่ใช่แค่เรื่อง สินค้าแต่รวมถึงบริการที่เข้ามารองรับในแพลตฟอร์มดิจิทัลมากขึ้น นี่คือสิ่งที่จะได้เห้นจาก TOA” นันทพล กล่าวทิ้งท้าย

 

 



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online