เส้นทางการเรียนของนักเรียนไทยสู่ Top U สิงคโปร์
ReadyPlanet.com
dot
dot


เส้นทางการเรียนของนักเรียนไทยสู่ Top U สิงคโปร์ article

 

เส้นทางการเรียนของนักเรียนไทยสู่ Top U สิงคโปร์


 

ที่ผ่านมา นักเรียนไทยที่ย้ายไปเรียนต่อมัธยมฯที่ประเทศสิงคโปร์ จะต้องเผชิญความท้าทายอย่างหนึ่งซึ่งก็คือ การปรับตัวให้เข้ากับระบบการศึกษาของสิงคโปร์ซึ่งมีมาตรฐานสูงเป็นอันดับต้นๆของโลกและเป็นระบบการศึกษาที่ใช้ภาษาอังกฤษในโรงเรียน  

ดังนั้นนักเรียนไทยที่สามารถผ่านความท้าทายนี้ไปได้ ต้องถือว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่งในการเรียนต่อมัธยมฯที่สิงคโปร์ เพราะสามารถนำพาตนเองให้เรียนและอยู่ในระบบการศึกษาสิงคโปร์ได้ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่ได้เกิดขึ้นกับนักเรียนไทยทุกคน บางส่วนที่ไปต่อไม่ไหว ไม่สามารถผ่านความท้าทายนี้ได้ ก็จำเป็นต้องออกนอกเส้นทางนี้เพื่อหาทางเลือกอื่นๆต่อไป

อย่างไรก็ตาม ก็มีนักเรียนไทยอีกกลุ่มหนึ่งที่นอกจากจะนำพาตัวเองผ่านความท้าทายเรื่องนี้ไปได้แล้ว ยังผลักดันตนเองให้กลายเป็นนักเรียนแถวหน้าของระบบการศึกษาของสิงคโปร์ได้อีกด้วยซึ่งเป็นความสำเร็จที่ก้าวไปอีกขั้นซึ่งน้อยรายที่จะทำได้ โดย 1 ในกลุ่มนักเรียนไทยที่ทำได้คือ “ฮิน” อัครพงษ์ เกียรติก้องชยิน

“เรียนสิงคโปร์ดอทคอม” จึงขอแชร์เส้นทางการเรียนของฮินตั้งแต่เริ่มต้นไปเรียนต่อมัธยมฯที่สิงคโปร์จนก้าวไปเป็นนักเรียนแถวหน้าในระบบการศึกษาสิงคโปร์ เพื่อให้นักเรียนไทยที่สนใจไปเรียนต่อสิงคโปร์ในรุ่นต่อๆไป ได้ศึกษาไว้แนวทางและหากว่ามีประเด็นใดที่เป็นประโยชน์ ก็จะได้นำมาปรับใช้กับตนเองได้

จุดเริ่มต้นเส้นทางการเรียนที่สิงคโปร์

จุดเริ่มต้นของการก้าวสู่เส้นทางการเรียนที่สิงคโปร์ เริ่มต้นเมื่อปี 2558 เมื่อฮินได้สมัครเรียนต่อ ม.1 โรงเรียนเอกชนของสิงคโปร์ชื่อว่า St Francis Methodist หรือ SFMS ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนเก่าแก่ของสิงคโปร์ ในเวลานั้นการเข้าเรียนโรงเรียน SFMS นักเรียนจะต้องสอบผ่านข้อเขียนวิชาภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ก่อนซึ่งฮินนอกจากจะสอบผ่านแล้ว ยังทำคะแนนสอบทั้งวิชาภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ได้ในระดับสูงด้วย

เตรียมภาษาอังกฤษก่อนไปเรียนสิงคโปร์อย่างไร

 “เรียนสิงคโปร์ดอทคอม” ให้ความสนใจไปที่คะแนนสอบภาษาอังกฤษที่สูงของฮินโดยเฉพาะ เพราะปกติการสอบวิชาภาษาอังกฤษ มักเป็นจุดอ่อนของนักเรียนไทยที่ทำคะแนนกันได้น้อย ทั้งๆที่เป็นวิชาที่สำคัญที่สุดสำหรับการไปเรียนต่อที่สิงคโปร์ จึงถามฮินว่า ได้เตรียมความพร้อมด้านภาษาอังกฤษมาอย่างไรซึ่งฮินให้ข้อมูลมาว่า ก่อนที่จะไปเรียนต่อสิงคโปร์ ได้เรียนติวภาษาอังกฤษมาอย่างต่อเนื่องและยังไปฝึกฝนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมด้วยตนเองอีกด้วยโดยดูรายการต่างๆเป็นภาษาอังกฤษตามช่อง YouTube และเว็บไซด์

เรียน EP Program ตอน ป.6 ที่ไทย

นอกจากการเตรียมความพร้อมภาษาอังกฤษด้วยตัวเองแล้ว อีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลทำให้พื้นฐานภาษาอังกฤษของฮินแน่นขึ้นอีกคือ ในช่วง ป.6 โรงเรียนมานะศึกษา จังหวัดยะลาที่ฮินเรียน ได้จัดการเรียนการสอนเป็นหลักสูตร English Program หรือ EP ซึ่งก็มีส่วนช่วยให้นักเรียนได้คุ้นเคยการเรียนวิชาต่างๆเป็นภาษาอังกฤษ นับว่าเป็นการเตรียมความพร้อมด้านภาษาอังกฤษเป็นอย่างดีก่อนไปเรียนต่อมัธยมฯที่สิงคโปร์

 

ประสบการณ์ช่วงแรกของเส้นทางการเรียนที่สิงคโปร์

ฮินเริ่มเข้าสู่เส้นทางการเรียนที่สิงคโปร์ โดยช่วงแรกของเส้นทางนั้น เริ่มต้นด้วยการเรียน ม.1 - ม.4 ที่โรงเรียน St Francis Methodist สิงคโปร์ซึ่งตลอดระยะเวลาที่เรียนกับโรงเรียนนี้ ฮินใช้เวลาปรับตัวให้เข้ากับระบบการศึกษาสิงคโปร์ได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงเท่านั้นยังพาตนเองไปสู่การเป็นนักเรียนระดับหัวแถวของโรงเรียน St Francis Methodist ด้วย โดยมีผลการเรียนที่ดีเยี่ยมอย่างต่อเนื่องจนได้รับรางวัลเรียนดีเด่นจากโรงเรียน และร่วมทำกิจกรรมโดยการเข้าไปเป็นสภานักเรียนตั้งแต่ตอนอยู่ ม.2

 

สอบเข้าโรงเรียนรัฐบาลสิงคโปร์

นอกจากนี้ช่วงที่เรียนอยู่โรงเรียน St Francis Methodist ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชน ฮินเคยไปสอบ AEIS เพื่อสอบเข้า ม.2 โรงเรียนรัฐบาลสิงคโปร์ด้วย จัดสอบโดยกระทรวงศึกษาธิการสิงคโปร์ ปรากฏว่าฮินสอบติด ม.2 โรงเรียนรัฐบาลสิงคโปร์ แต่ภายหลังฮินปฏิเสธโอกาสนี้และเลือกเรียนที่ St Francis Methodist ต่อ


จบ ม.4 เตรียมสอบ GCE O Level

เมื่อเรียนจนถึงช่วงปลาย ม.4 ที่โรงเรียน St Francis Methodist ถือว่าเป็นช่วงรอยต่อสำคัญในเส้นทางการเรียนที่สิงคโปร์ เพราะฮินจะต้องเตรียมเข้าสอบ “GCE O Levelซึ่งเป็นการสอบส่วนกลาง จัดสอบโดย Singapore Examinations and Assessment Board หรือ SEAB ซึ่งเป็นบอร์ดประเมินผลสอบแห่งชาติภายใต้กำกับของกระทรวงศึกษาธิการสิงคโปร์

 

GCE O Level เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเส้นทางการเรียนของสิงคโปร์

การสอบ “GCE O Level”ในช่วงก่อนจบ ม.4 มีความสำคัญมากเพราะหากนักเรียนคนใดวางแผนจะเข้ามหาวิทยาลัยรัฐของสิงคโปร์ซึ่งมีการแข่งขันสูงและเข้ายากมากนั้น ภารกิจแรกที่จะต้องทำให้ได้คือการเข้าไปเรียนต่อ Junior College ซึ่งเป็นสถาบันระดับ Pre University หรือระดับเตรียมอุดมศึกษาของรัฐบาลสิงคโปร์ให้ได้เสียก่อน (หมายเหตุ : ฮินให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การจะเข้ามหาวิทยาลัยรัฐสิงคโปร์ ไม่ได้มีช่องทางเดียวคือการเข้าไปเรียน Junior College เท่านั้น แต่ยังมีหลายช่องทาง เช่น ไปเรียน Polytechnic ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาวิชาชีพของรัฐ , ไปเรียนหลักสูตร IB Diploma ตามโรงเรียนเอกชน, หรือจะใช้วุฒิ ม.ปลายจากต่างประเทศ แล้วนำมายื่นสมัครเรียนกับมหาวิทยาลัยรัฐในสิงคโปร์ก็ได้)

 

GCE O Level กับการยื่นเข้า Junior College สิงคโปร์

แต่ภารกิจนี้ถือว่าเป็นงานหิน เพราะการเข้า Junior College ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เนื่องจากทั่วประเทศสิงคโปร์มี Junior College เพียง 18 แห่งเท่านั้น ไม่สามารถรองรับนักเรียนที่จบ ม.4 ทั้งจากโรงเรียนรัฐบาลและเอกชนระดับมัธยมฯกว่า 150 แห่งทั่วประเทศได้ ดังนั้นการเข้า Junior College จึงเหมือนเป็นคอขวด การแข่งขันเพื่อเข้าเรียนจึงมีสูงมากซึ่งที่ผ่านมานักเรียนที่เข้า Junior College ได้ จะเป็นนักเรียนที่ทำคะแนนสอบ GCE O Level สูงติดอันดับต้นๆของประเทศของการสอบปีนั้นๆ 

Photo credit: https://sgp.worldorgs.com/catalog/singapore/junior-college/nanyang-junior-college

Photo credit: https://sgp.worldorgs.com/catalog/singapore/junior-college/nanyang-junior-college

 

ฝ่าฟันจนเข้า Junior College กลุ่ม Top ของสิงคโปร์ได้

ผลการสอบ GCE O Level ปรากฏว่า ฮิน ทำผลสอบได้ระดับดีเยี่ยม โดยทำคะแนนรวม Aggregate Score ได้ 7 คะแนน แปลว่าคะแนนสอบจำนวน 6 วิชาที่จะใช้ยื่นเข้า Junior College นั้น ฮิน ได้ A1 ซึ่งเป็นคะแนนสอบสูงสุดของการสอบ จำนวน 5 วิชา ส่วนอีก 1 วิชาได้ A2 ซึ่งเป็นเกรดที่รองลงจากจาก A1 เท่านั้น ผลการสอบดังกล่าว ทำให้ฮินได้รับการตอบรับเข้าเรียนที่ Nanyang Junior College ซึ่งเป็น Junior College กลุ่ม Top ของประเทศสิงคโปร์ 

 

เส้นทางการเรียน Junior College สิงคโปร์

เส้นทางการเรียน Junior College ซึ่งเป็นการเรียนระดับ Pre University หรือระดับเตรียมอุดมศึกษานั้นเป็นการเรียน 2 ปี หลังเรียนจบแล้ว นักเรียนทุกคนจะต้องเข้าสอบส่วนกลางที่เรียกว่า GCE A Level ซึ่งเป็นการสอบส่วนกลาง จัดสอบโดย Singapore Examinations and Assessment Board หรือ SEAB ซึ่งเป็นบอร์ดประเมินผลสอบแห่งชาติภายใต้กำกับของกระทรวงศึกษาธิการสิงคโปร์เพื่อนำผลสอบนี้ยื่นเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยต่อไป 

 

ทำผลสอบ GCE A Level ได้ดี

หากนักเรียนจะเข้ามหาวิทยาลัยรัฐของสิงคโปร์แห่งใดแห่งหนึ่งจากทั้งหมด 6 แห่งทั่วประเทศให้ได้ นักเรียนจำเป็นต้องทำผลสอบ GCE A Level ให้ได้ผลสอบระดับดีเยี่ยมซึ่งฮินสามารถทำผลสอบไปถึงจุดนั้นได้ โดยลงสอบจำนวน 6 วิชาคือ ฟิสิกส์ คอมพิวเตอร์ คณิตศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ภาษาอังกฤษ (General Paper) และ Project Work ปรากฏว่าใน 4 วิชาแรก สอบได้ A ทุกวิชา วิชาภาษาอังกฤษได้ B ส่วน Project Work เป็นเหมือนการทำโครงงานวิจัยซึ่งเป็นการทำงานกลุ่ม 

 

มหาวิทยาลัยรัฐชื่อดัง 2 แห่งของสิงคโปร์ตอบรับเข้าเรียน

จากผลสอบดังกล่าวส่งผลให้ฮินได้รับการตอบรับเข้าเรียนจากมหาวิทยาลัยรัฐสิงคโปร์ 2 แห่งคือ Singapore University of Technology and Design (SUTD) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยด้านการออกแบบเทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ และ Nanyang Technological University (NTU) ในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ 

SUTD แสดงความสนใจและติดต่อมาล่วงหน้าแล้ว

จริงๆแล้ว SUTD ตอบรับฮินเข้าเรียนก่อนที่จะสอบ GCE A Level เสียอีก โดยฮินเล่าให้ฟังว่าหลังเรียนจบปี 1 ที่ Nanyang Junior College แล้ว ทางโรงเรียนได้คัดเลือกนักเรียนที่มีผลการเรียนโดดเด่นซึ่งฮินได้รับการคัดเลือกด้วย จากนั้นโรงเรียนส่งรายชื่อนักเรียนกลุ่มนี้ไปให้ SUTD ซึ่งต่อมา SUTD ได้แสดงความสนใจฮินและติดต่อกลับมา

 

SUTD ตอบรับเข้าเรียนล่วงหน้า

SUTD ได้ติดตามและติดต่อฮินมาโดยตลอดในช่วงการเรียนปีที่ 2 ที่ Nanyang Junior College จนกระทั่งฮินเข้าสอบ Preliminary ซึ่งเป็นการสอบช่วงปลายปีที่ 2 เป็นการสอบก่อนสอบ GCE A Level จริงซึ่งปรากฏว่า ฮินทำผลสอบ Preliminary ได้ดี ทำให้ SUTD ตอบรับฮินเข้าเรียนทันที ส่วน NTU ตอบรับเข้าเรียนหลังสอบ GCE A Level 

 

เลือกระหว่าง SUTD กับ NTU

และแล้วก็ถึงจุดสำคัญเพราะฮินต้องเลือกแล้วว่าจะเลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยไหนดีระหว่าง SUTD กับ NTU ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยรัฐที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากในสิงคโปร์ ฮินตัดสินใจอย่างไม่ลังเลเลย โดยเลือกตอบรับเข้าเรียนกับ SUTD ซึ่งฮินให้เหตุผลว่า อยากจะเรียนต่อที่ SUTD มาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว เพราะเป็นมหาวิทยาลัยด้านวิศวกรรมศาสตร์โดยเฉพาะและมีแนวคิดการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบสมัยใหม่ ปัจจุบัน ฮินเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ที่ Singapore University of Technology and Design (SUTD)

 
 

ฝากข้อคิดก่อนมาเรียนที่สิงคโปร์

“เรียนสิงคโปร์ดอทคอม” ได้สอบถามฮินว่าในฐานะที่ฮินเรียนอยู่ที่สิงคโปร์มาหลายปี ประสบความสำเร็จในเส้นทางการเรียนมาก็มาก หากมีนักเรียนไทยสนใจที่จะมาเรียนที่สิงคโปร์ จะต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง ฮินให้ข้อคิดที่น่าสนใจว่า นอกจากการเตรียมตัวเรื่องภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ให้พร้อมก่อนจะมาเรียนที่สิงคโปร์แล้ว เรื่องหนึ่งที่อยากจะฝากไว้คือการที่นักเรียนไทยได้มีโอกาสมาเรียนที่สิงคโปร์ ทำให้นักเรียนมีอิสระในการดำเนินชีวิตมากขึ้น (หมายถึงการอยู่ด้วยตนเอง ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่เหมือนที่ไทย)

 

มี Mindset ที่ถูกต้อง

นักเรียนจะต้องมี mindset ในการบริหารจัดการอิสระของตัวเองให้ดี เพราะหากนำอิสระที่ได้ ไปใช้ในทิศทางที่ถูกต้อง เช่น หมั่นเอาเวลาไปพัฒนาตัวเอง โอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการเรียนที่นี่ก็จะมีมากขึ้น หากนำอิสระที่ได้ ไปใช้ในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง โอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการเรียนก็น้อยลง ซึ่ง “เรียนสิงคโปร์ดอทคอม” เห็นด้วยกับเรื่องนี้เพราะสิ่งที่ฮินกำลังพูดถึงคือการมี “mindset ของวินัยในการเรียนและความรับผิดชอบต่อตนเอง”

 

รู้สึกขอบคุณกับโอกาสที่ได้มา

ท้ายสุดของการสัมภาษณ์ ฮิน ฝากข้อคิดไว้อีกประเด็นหนึ่งว่า “ผมคิดว่าการได้มาเรียนสิงคโปร์เป็นโอกาสพิเศษ ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาส ดังนั้นนักเรียนไทยคนใดที่ได้โอกาสมาเรียนที่นี่แล้ว ควรจะเห็นคุณค่าของโอกาสที่ได้มา และใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด

 

บทสรุปส่งท้ายโดย เรียนสิงคโปร์ดอทคอม

ความสำเร็จในการเรียนที่สิงคโปร์ของฮินนั้น “เรียนสิงคโปร์ดอทคอม” วิเคราะห์ไว้ว่าเกิดจาก 2 ปัจจัยประกอบด้วยปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ปัจจัยภายในเกิดจากฮินเองซึ่งมี mindset และการลงมือทำจนเกิดความสำเร็จ ส่วนปัจจัยภายนอกซึ่งไม่ได้มีการกล่าวถึงในบทสัมภาษณ์นี้ แต่เป็นสิ่งที่ “เรียนสิงคโปร์ดอทคอม” เห็นมาตลอดตั้งแต่ช่วยประสานงานให้ฮินมาเรียนม.1 ที่โรงเรียน St Francis Methodist สิงคโปร์ นั่นก็คือคุณพ่อและคุณแม่ที่สนับสนุนอย่างเต็มที่และอยู่เคียงข้างฮินมาโดยตลอด 

 

 
 

 




Interviews

Tips เตรียมความพร้อมก่อนส่งลูกมาเรียนต่อมัธยมฯที่สิงคโปร์ article
เรียนเต้นที่ NAFA สิงคโปร์ article
เล่าประสบการณ์การเรียน JCU สิงคโปร์ article
ทุน ASEAN Scholarship article
แชร์ประสบการณ์ไปเรียนภาษาอังกฤษ4สัปดาห์ที่สิงคโปร์ article
สอบเข้ารร รัฐบาลสิงคโปร์ AEIS Exam article
เล่าประสบการณ์เรียนcommunicationที่ PSB สิงคโปร์ article
สีน้ำเล่าประสบการณ์เรียนภาษาระยะสั้นรายเดียว article