‘บลูบิค’ ชี้ 3 แนวทางองค์กรยุคใหม่ พา ‘ธุรกิจ’ ให้รอดจากวิกฤติโควิด
บลูบิคแนะทางรอดให้องค์กรสามารถฝ่าวิกฤติโควิดระลอกนี้ ชี้ ‘งบโฆษณาและการตลาด’ เป็นสิ่งที่ไม่ควรถูกตัดทิ้งในภาวะวิกฤติ
2.จัดสรรงบประมาณอย่างมีกลยุทธ์ งบประมาณด้านการตลาดไม่ใช่ค่าใช้จ่าย แต่เป็น ‘การลงทุน’ ที่จะสร้างผลกำไรให้บริษัทฯ จำเป็นต้องวางกลยุทธ์การใช้จ่ายทางการตลาด จัดสรรงบประมาณมีความเหมาะสม
ทั้งนี้ การตัดสินใจ ‘ไม่โฆษณาเลย’ อาจส่งผลดีต่อฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ในระยะสั้น แต่สำหรับระยะกลางถึงยาวอาจมีความเสี่ยงที่จะต้องลงทุนมากขึ้นเพื่อให้ได้ส่วนแบ่งทางการตลาด หรือสร้างการรับรู้ในแบรนด์
สิ่งที่ต้องทำในลำดับถัดมา คือ วิเคราะห์ประสิทธิภาพของสื่อแต่ละช่องทาง จัดสรรงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพไปยังส่วนที่มีผลต่อการซื้อมากที่สุด เปรียบเทียบกับการจัดสรรงบประมาณของบริษัทคู่แข่ง เพื่อดูส่วนแบ่งทางการรับรู้ของการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่เหมาะสม
3.บริหารจัดการทรัพยากรด้านการตลาดในระยะยาว ภาวะวิกฤติเป็นตัวการสำคัญให้พฤติกรรมการบริโภคของลูกค้าเปลี่ยนไป ธุรกิจควรทำคือการประเมินคุณค่าแบรนด์ และจุดขาย ที่เรามี เร่งปรับปรุงด้วยการนำเสนอจุดขายใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งเหตุผลด้านการใช้งาน และเหตุผลด้านอารมณ์ รวมถึงวางตำแหน่งแบรนด์ให้เหมาะสมกับตัวตนของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายต่อไป ควบคู่กับการนำเสนอภาพลักษณ์ของการทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบต่อคุณค่าและสังคม เพื่อทำให้ลูกค้าเกิดความรักและชื่นชอบในแบรนด์
อาจต้องมีการปรับพอร์ตการลงทุน เพิ่มผลิตภัณฑ์ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนยอดขาย ตัดลดงบลงทุนหรือยกเลิกสายผลิตภัณฑ์ที่ไม่สร้างกำไร และค้นหาความต้องการ ของลูกค้าเพื่อนำมาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่
ประเมินศักยภาพตัวเองพร้อมลุย
สโรจ แนะว่า หากอยากอยู่รอด และเติบโตหลังวิกฤติ ธุรกิจต้องรู้จักประเมินศักยภาพของตัวเอง เช่น ธุรกิจที่มีสายป่านสั้น ควรให้ความสำคัญกับกระแสเงินสดมากที่สุด กล้าทำการตลาดส่งเสริมสินค้าที่มียอดขายดี และตัดสินค้าที่ไม่ทำกำไรออกจากสายการผลิต
ส่วนธุรกิจที่มีสายป่านยาว ต้องเร่งจัดกิจกรรมทางการตลาดและอัดฉีดงบโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างสมดุลทั้งบนช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อยึดพื้นที่ในใจของลูกค้าและกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่ลูกค้านึกถึง (Top of Mind Brand) ในที่สุด