ด้านลบ ของการ 'คิดบวก'
|
Vertical Divider
|
ตอนที่แล้วได้แนะนำให้รู้จักกับทัศนคติแบบ WTF ไปนิดนึง โดยไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรเลย ทิ้งภาพประกอบไว้อย่างเดียว แต่จากภาพ หลายคนคงพอเดาออกว่า เป็นวิธีคิดแบบ 2 ขั้ว แล้วมีทางสายกลาง ซี่งก็ถูกต้อง เพราะที่ตั้งใจจะสื่อก็คือ คนเรามีทางเลือกในการตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ ตามวิธีที่เราคิด วิธีคิดที่เมื่อจัดกลุ่มแล้วก็พอจะรวมๆ ได้เป็น 3 กลุ่ม ขั้วแรกคือ 'What the F*CK' จะเรียกว่า 'คิดลบ' ก็คงได้ ขั้วที่สองคือ 'Wow!! That FUN' คงคล้ายๆ กับ 'คิดบวก' ทางสายกลางคือ 'What the FACT' คือ การมองสิ่งต่างๆ ตามที่มันเป็นโดยไม่ปรุงแต่ง (ใกล้เคียงภาษาอังกฤษว่า realistic แต่ภาษาไทยยังหาคำสั้นๆ ได้ใจความไม่ได้เลย) . มีสามทาง เอาเรื่องไหนก่อนดี เรื่องคิดลบ เอาไว้ทีหลังดีกว่า เพราะคนส่วนใหญ่เก่งกันอยู่แล้ว ทำอยู่เป็นประจำ ส่วนทางสายกลาง 'What the FACT' นี่ค่อนข้างเยอะ เกี่ยวพันทั้งทางโลก-ทางธรรม ตั้งแต่ Critical Thinking, Computational Thinking และอีกหลายๆ Thinking ไปยัน โยนิโสมนสิการ และทางสู่การดับทุกข์กันเลยทีเดียว..ขอเตือนญาติโยมทั้งหลายไว้ก่อนเลย..เจริญพร งั้นเอาเรื่อง 'คิดบวก' ก่อนละกันเนอะ เห็นมีคนพูดถึงเยอะกว่าเรื่องอื่นๆ ด้วย แต่จะว่าด้วยมุมที่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยพูดถึง นั่นคือ ด้านลบของการคิดบวก ............................................... ทุกวันนี้ได้ยินคนพูดถึงการคิดเชิงบวก (Positive Thinking) กันมากมาย ใครๆ ก็อยากเป็นคนคิดบวกมากกว่าที่จะเป็นคนคิดลบ แต่ในชีวิตจริงเป็นไปได้แค่ไหนที่เราจะได้ประโยชน์จากการคิดบวกในทุกสถานการณ์ และจริงหรือที่การคิดลบเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในทุกกรณี ไม่น่าสงสัยที่การคิดบวกจะมีประโยชน์ไม่น้อย ยืนยันได้จากงานวิจัยจำนวนมากที่พบผลดีของการคิดบวกต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การพัฒนาชีวิตการทำงาน การสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น และการมีสุขภาพจิตที่ดี คนที่คิดบวกจะมีระดับความเครียดต่ำ สามารถผ่านความยากลำบากได้ดี จนถึงมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเกี่ยวกับการทำงานของหัวใจและหลอดเลือดต่ำกว่า และมีอายุยืนกว่าคนที่คิดลบ มีหนังสือ บทความ รวมถึงผู้ให้คำแนะนำด้านการพัฒนาตนเองจำนวนมากพูดถึงผลดีของการคิดบวกเอาไว้แล้วเยอะแยะไปหมด แต่ก็ยังมีความคลาดเคลื่อนในความเข้าใจของผู้ที่จะนำแนวคิดนี้ไปใช้อยู่บ้าง การคิดบวกไม่ใช่การหลอกตัวเอง ไม่เผชิญปัญหาแล้วบอกว่าไม่มีปัญหา ไม่ใช่แค่การตื่นเช้าส่องกระจกแล้วสะกดจิตตัวเองว่า “ไม่มีปัญหา ชีวิตราบรื่น ชั้นสวย ชั้นรวย ชั้นเก่ง” แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น แบบนั้นจะกลายเป็น "โลกสวย" แต่ไม่มีสมอง การคิดบวกเป็นการมองปัญหาหรือเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ในมุมที่พัฒนาสร้างสรรค์และเป็นเหตุเป็นผล จริงๆ แล้วจะคิดว่าแย่ก็ได้แต่ต้องแย่แบบมีเหตุมีผล ยอมรับในปัญหาและนำพาความคิดไปสู่วิธีแก้ปัญหา ............................................ Positive Illusions : โลกสวย . การมองโลกแง่บวกที่มากเกินไปอาจกลายเป็นภาพมายาที่สร้างขึ้นเพื่อหลอกตัวเอง ทำให้ตัวเองรู้สึกดี สร้างความมั่นใจ ลดความกังวลต่ออุปสรรคต่างๆ แต่ก็อย่างที่ชื่อมันบอกไว้ มันคือ 'Illusions' หรือ ‘มายา’ ซึ่งก็คือสิ่งที่ไม่เป็นจริง ดังนั้นถ้าจะบอกว่ามันไม่มีโทษเลยก็คงพูดได้ยาก อ้างถึงวิชาการสักนิด...คำว่า Positive Illusions ได้ถูกพูดถึงในงานวิจัยของ เทเลอร์ และบราวน์ (Taylor and Brown, 1998) โดยแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ คือ 1. คิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่นๆ คิดว่าตัวเองเก่งกว่า ฉลาดกว่า เหนือกว่าคนอื่น มองตัวเองสูงกว่าและมองคนอื่นต่ำกว่าที่คนทั่วไปเห็น 2. คิดว่าควบคุมสิ่งต่างๆ ได้ อะไรๆ ก็จะเป็นไปตามที่อยากให้เป็น 3. คิดว่าโลกนี้มีแต่สิ่งดีๆ และจะมอบสิ่งดีๆ ให้เราเสมอ ถ้ามีครบก็รวมกันเป็นมุม 'โลกสวย' ที่สมบูรณ์แบบ ครบทั้งหลงตัวเอง หลอกตัวเอง และเข้าข้างตัวเอง แต่มายาเชิงบวกเหล่านี้ก็สามารถก่อให้เกิดผลดีได้นะ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยให้สามารถผ่านพ้นความเครียด สามารถลดความกลัวเพื่อให้ก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ แต่ในอีกทางหนึ่งก็ทำให้มองโลกด้านเดียว ไม่หาทางป้องกันสิ่งที่อาจควบคุมไม่ได้ หรือสิ่งที่จะไม่เป็นไปตามที่อยากให้เป็น จนถึงการปิดกั้นไม่พัฒนาตัวเองเพราะคิดว่าเก่งแล้วดีแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ "โลกสวยไม่ช่วยอะไร" ............................................ วันนี้เป็นเรื่อง ด้านลบของการคิดบวก แล้วจะไม่มี ด้านบวกของการคิดลบ ก็จะกระไรอยู่ มาว่ากันในตอนต่อไปดีกว่า .............................................. |
Vertical Divider
Author:
Saksit Sathanapong, Ph.D. Archive September 2019 STORY TELLING PROJECT
รวบรวมแนวคิดจากหนังสือ "ตั้งสติ ให้สตรอง.. อย่าไว้ใจสมองของคุณ" มาจับประเด็นกับเรื่องราวจริงที่ทุกคนอาจเจอได้ในชีวิตประจำวัน หรือแม้แต่เกิดกับตัวเอง เรื่องที่ 1 งานหนักไม่เคยทำให้ใครตาย...จริงดิ เรื่องที่ 2 ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น (นั้นไม่จริงเสมอไป) เรื่องที่ 3 นิทานก่อนนอน-ประตูและป่าแห่งความลังเล เรื่องที่ 4 วิ่งหายเจ็บใจ เรื่องที่ 5 อะไรที่ 'เติมไฟ' ให้เรา เรื่องที่ 6 อะไรที่ 'เติมไฟ' ให้เรา (ตอนที่ 2) เรื่องที่ 7 อะไรที่ 'เติมไฟ' ให้เรา (ตอนที่ 3) เรื่องที่ 8 ปัญหาของความ 'ไม่เครียด' เรื่องที่ 9 เรามาถึงจุดนี้ได้ไง เรื่องที่ 10 อัจฉริยะ กับ ความบ้า เรื่องที่ 11 แก้ความเครียดด้วย WTF เรื่องที่ 12 ด้านลบ ของการ 'คิดบวก' เรื่องที่ 13 ปัญหาชีวิต แก้ด้วยการ 'คิดลบ' เรื่องที่ 14 'ชอลิ้วเฮียง' ในมุมที่ไม่เคยคิดถึง เรื่องที่ 15 Keystone Habits:วันนี้คุณทำกุศลหรือยัง แล้วติตตาม update กันเรืื่อยๆ นะครับ |